<<ไปอ่านตอนที่แล้ว Go Japan 2 ออกจากจุดสตาร์ท ที่นี่
หลังจากที่พยามโทรหาพี่ชายให้มารับเท่าไหร่ก็ไม่ติด (สมัยปี 08 smartphone ยังไม่แพร่หลาย ไม่มีแชร์โลเคชั่นนะคะ)
เมื่อโทรศัพท์โดยใส่ 0 ไว้ด้านหน้าแล้ว ก็โทรติดโดยพลัน
“ถึงแล้วเหรอ ทำไมช้าจังวะ อยู่ที่ไหนเนี่ย”
เลยบอกพี่ชายไปอย่างเร็วว่ามาถึงชินจูกุแล้ว ยืนอยู่ตรงเคเอฟซี หนาวมาก มารับด่วน (หยอดแค่ 30 เยนคือ 10 บาท ต้องพูดเร็ว ๆเพราะโทรมือถือ)
วิ่งขึ้นมาหาพ่อแม่และน้า บอกว่าพี่เป๋อกำลังมา ตอนนี้แม่กับน้าก็บ่นซะ…
3 นาที ตาเป๋อโผล่มา หนวดเครารุงรัง….มีลูกแล้วเป็นอย่างงี้เหรอเนี่ย
น้าผู้ซึ่งเป็นแม่ตาเป๋อก็บ่น ๆ พอเป็นพิธี เราขึ้น taxi ไปบ้านตาเป๋อกัน…
บ้านพี่เป๋ออยู่โอคุโบะ ไม่ไกลจากสถานี ชินโอคุโบะ สมัยก่อนเป็นย่านคนไทย แต่ตอนนี้กลายเป็นย่านเกาหลีแล้ว แต่ก็ยังพอมีคนไทยอยู่บ้าง
ยังไม่ทันถึงประตูห้อง พี่ชิฮารุ พี่สะใภ้คนสวย ก็อุ้มลูกมารับถึงหน้าลิฟท์เลยทีเดียว
เจ้าตัวเล็กช่างน่ารักน่าชัง ตางี้เบ้อเร่อเลย
ไปไหนใครก็ทักว่าตาโต๊โต…” พี่ชิฮารุบอก แหะ ๆ ก็ตาเป๋อตาเบ้อเร่อขนาดนั้น..
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งเล่นนั่งคุยกันที่บ้านพี่เป๋อกันพักหนึ่ง เอาของฝากที่ญาติ ๆ ฝากมาให้ และแถ่นแท้น……
“หม่าม้าเอาสะตอมาให้ชิฮารุด้วย” น้าบอกพร้อมควักถุงสะตอขึ้นมาจากกระเป๋าเดินทาง
สุดยอดคุณแม่สามี …เอาสะตอมาให้ลูกสะใภ้กิน (พี่ชิฮารุชอบมาก ไปเมืองไทยทีไรกินสะตอทุกที)
คุยกันสักพัก รับขวัญหลานเสร็จ เวลาล่วงไปบ่ายครึ่ง ไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่า
อากาศวันนี้หนาว และมีฝนตกปรอย ๆ เราจึงเลือกร้านที่เดินไปแค่ 50 เมตรเองค่ะ
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดาทั่วไป รสชาติใช้ได้ทีเดียว
มาดูบรรยากาศในร้านกันนิดนึง
แม่ พ่อ และพี่ชิฮารุ
พี่เป๋ออุ้มน้องวายุ อยู่โน่น
ดูแล้วร้านเป็นร้านเล็ก ๆ แต่มีคนเข้าอยู่ไม่ขาดสาย
เริ่มด้วยเสริฟน้ำเสร็จ ยำสาหร่ายมาก่อน
ยำสาหร่ายที่นี่รสชาติต่างจากเมืองไทย เป็นสาหร่ายคอมบุ รสชาติออกเค็ม ๆ
ส่วนรสชาติก็อร่อย แถมยังชามโตมาก ๆ (เราไปเจอมีขายอีกทีที่ร้าน OOTOYA ถ้วยเล็กราคา 60 บาท รสชาติเหมือนที่นี่เลย)
ไม่นานอาหารแบบเป็น set กับเทมปุระ ก็มา โอ้โห ชามเบ้อเร่อ
กินไปกินมาปรากฏว่าเหลือ กินไม่หมด เสียดายมาก ๆ ขอโทษอาหารด้วยนะคะ
เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ ก็ไปโรงแรม ที่ญี่ปุ่นโรงแรมสามารถเช็คอินได้หลังบ่าย 3 โมงค่ะ
เสร็จธุระเรื่องโรงแรม ก็ออกเที่ยว ก็ราว ๆ 4-5 โมงเย็นแล้วล่ะค่ะ พี่เป๋อพามาศาลเจ้าแห่งหนึ่ง เรียกว่า Hanazono Jinja ย่านชินจูกุนั่นแหละค่ะ ป้ายหน้าศาลมีบอกไว้ถึงคนที่อายุครบเท่านั้นเท่านี้ต้องมาทำบุญปัดเป่าสิ่งไม่ดี สีแดงคืออายุที่จะมีสิ่งไม่ดีในปีนี้
แม่กับน้าที่หน้าศาลเจ้า
บริเวณศาลเจ้า
จะมีที่ให้ผูกใบเซียมซี สำหรับคนที่ได้ใบที่ไม่ดี
สวดมนต์กันค่ะ
ด้านในจะมีโต๊ะที่อธิบายอะไรต่าง ๆ อยู่ด้วย
ก่อนกลับ แวะซื้อเครื่องราง เป็นรวงข้าว (ลืมถ่ายรูปมา) ฝากน้องชายที่เปิดร้านเบเกอรี่ เพื่อให้เงินทองไหลมาเทมาค่ะ
เสร็จจากศาลเจ้า ก็ไปเป็นช่วงกลางคืน ยังอยู่ที่ชินจูกุค่ะ
ร้านรวงต่าง ๆ
ตามซอย
ภาพที่เห็นเป็นคุณพ่อ ห่มผ้าคลุมไหล่ Pashmina ที่พี่ติ๊ก(พี่ที่เรียนโทด้วยกัน)มาฝากจากเชียงใหม่ คอนเฟิร์มว่าห่มแล้วอุ่นมากค่ะ
เดินชมวิวกันเสร็จ เราก็ไปกินอาหารค่ำที่ร้าน watami พี่เป๋อบอกร้านนี้มีหลายสาขา ประมาณ Black canyon นั่นแหละ ทุก ๆ สาขา อาหารก็จะเหมือน ๆ กัน
เมนู
มี meatball เป็นตัวเรียกน้ำย่อย ขอบอกว่าอร่อยมาก
อาหารก็เริ่มมา
อันนี้คล้าย ๆ ราดหน้า อร่อยดี
อันนี้จะเป็นสลัดซอสไข่กุ้ง
ไก่ทอดราดซอส
ปลาดิบ แล่บางเชี๊ยบ อร่อยด้วย
และอื่น ๆ อีกตรึม
เมนูขนม น่าทานมาก ๆ แต่ทานเข้าไปไม่ไหวแหล่วว
ทั้งหมดนี้ของร้าน Watami ค่ะ
จบจากเรื่องกินก็กลับโรงแรม หมดแรงกันไปเลยสำหรับวันแรก
ส่วนวันถัดไป ไปวัดอาซากุสะตลาด Ameyoko กันค่ะ
[…] ติดตามอ่านตอนหน้า “พบญาติ ศาลเจ้า ร้าน watami ย่านชินจูกุ ” ตรงนี้เยย…. […]
[…] […]